Page 5 - การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
P. 5
5
ปกติพื้นโลกจะไดรับความรอนจากดวงอาทิตยไมเทากัน บริเวณเสนศูนยสูตรจะรับความรอนมากกวาขั้วโลก
เหนือและใตมากมาย น้ําทะเลและอากาศจะเปนตัวพาความรอนออกจากเสนศูนยสูตรไปยังขั้วโลกทั้งสอง วงจรถายเท
ความรอนนี้เรียกวา CONVECTION CELL
ความรอนเปนพลังงานที่ทําใหเกิด CONVECTION CELL โดยน้ําทะเลที่ผิวมหาสมุทรจะรอนขึ้นจนระเหย
กลายเปนไอขึ้นไป น้ําอุนขางลางที่บริเวณผิวน้ําและใกลเคียงจะเขามาแทนที่และกลายเปนไออีก เปนเหตุใหมีการไหล
ทดแทนของน้ําและอากาศจากที่เย็นกวาไปสูที่อุนกวา เกิดเปนวงจรระบายความรอนและความชื้นออกไปจากโซนรอน
อยางตอเนื่อง ในภาวะปกติโซนรอนที่กลาวถึงนี้ คือบริเวณแนวเสนศูนยสูตรทางตะวันตก ของมหาสมุทรแปซิฟก
ไดแกบริเวณหมูเกาะอินโดนีเซียและออสเตรเลีย ลักษณะนี้ทําใหมีลมพัดจากทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออก
เฉียงใตของมหาสมุทรแปซิฟกมาทางแนวเสนศูนยสูตรทางแปซิฟกตะวันตก คนเดินเรือใบในอดีตรูจักลมนี้ดีโดยเฉพาะ
ชาวจีนเพราะไดอาศัยลมนี้ในการเดินทางมาคาขายยังเอเชียใต ลมนี้ก็คือลมคา (Trade Wind) นั่นเอง ลมคาไดพัด
ผิวหนาน้ําใหไหลตามมาดวย จากการสํารวจทางดาวเทียมพบวาปกติน้ําทะเลแถวอินโดนีเซียมีระดับสูงกวาทางฝงเปรู
ประมาณครึ่งเมตร ซึ่งทางฝงเปรูนั้น เมื่อน้ําทะเลชั้นบนที่รอนไดไหลมาทางตะวันตกตามแรงลมคาแลวน้ําทะเล
ดานลางซึ่งเย็นกวาก็จะผุดขึ้นมาแทนที่ (Upwelling) หอบเอาแพลงตอนซึ่งเปนอาหารของปลาลอยขึ้นมาดวย ทําให
ทองทะเลยานนี้มีปลาเล็กปลาใหญชุกชุม เมื่อมีปลาชุกชุมก็ทําใหมีนกซึ่งกินปลาเปนอาหารชุกชุมไปดวย เกิดอาชีพ
เก็บมูลนกขายอยางเปนล่ําเปนสันขึ้นมา สวนทางแปซิฟกตะวันตกนั้น เมื่อมีน้ําอุนที่ถูกลมพัดพามาสะสมไวจนเปน
แองใหญจึงมีเมฆมากฝนตกชุกอากาศบริเวณนี้จึงรอนชื้น ที่บอกวาน้ําทะเลรอนและเย็นนั้น ตามปรกติก็จะรอนและ
เย็นประมาณ 30 และ 22 องศาเซลเซียส ตามลําดับ
เมื่อเกิดเอลนิโน ลมคาจะมีกําลังออนลงทําใหไมสามารถพยุงน้ําทะเลทางแปซิฟกตะวันตกใหอยูในระดับสูง
อยางเดิมได น้ําอุนจึงไหลยอนกลับมาทางตะวันออก แองน้ําอุนซึ่งเปรียบไดกับน้ํารอนในกระทะใบใหญซึ่งเคยอยูชิด
ขอบตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟกจึงเคลื่อนไปทางทิศตะวันออก การลอยตัวของน้ําเย็นจากกนทะเลจึงมีนอยมีผล
ทําใหน้ําดานแปซิฟกตะวันออกอุนขึ้น เกิดวงจรแบบงูกินหางขึ้น คือ น้ําทะเลยิ่งรอน ลมคาก็ยิ่งออน…ลมคายิ่งออน
น้ําทะเลก็ยิ่งรอน นี่เปนปจจัยใหแตละครั้งที่เกิดเอลนิโนแองน้ําอุนจะขยายใหญขึ้นและใหญขึ้นทุกครั้งไป
การที่ตําแหนงของแองนําอุนขยับออกไปอยูกลางมหาสมุทรเชนนี้ทําใหเกิด CONVECTION CELL ขึ้น
2 วงจร (ดังรูปที่ 2) จะเห็นวารูปแบบการรวมตัวของเมฆไมเหมือนเดิม ทิศทางลมและการไหลของกระแสน้ําอุน
แตกตางไปจากเดิมมีผลใหสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผิดไปจากปกติมาก และเนื่องจากการหมุนเวียนของอากาศในชั้น
บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป เอลนิโนจึงมีผลกระทบสภาพภูมิอากาศของโลกทั้งหมด ไมแตเฉพาะบริเวณมหาสมุทร
แปซิฟกเทานั้น ดังนั้นคําวา เอลนิโน ที่นักวิทยาศาสตรยืมจากชาวเปรูมาใชจึงมีความหมายขยายวงครอบคลุมบริเวณ
น้ําอุนทั้งหมดในมหาสมุทรแปซิฟก มิใชเฉพาะที่ชายฝงทะเลของเปรู ปรากฏการณนี้มีอีกชื่อหนึ่งวา ‘Warm Event’
ปรากฏการณที่น้ําทะเลรอนขึ้นผิดปกตินี้ มีขึ้นพรอมกับการเปลี่ยนแปลงความกดอากาศที่ระดับผิวน้ําทะเลที่บริเวณ
ดานตะวันออกกับดานตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟก ในทศวรรษตนๆ ของศตวรรษที่ 20 เซอรกิลเบอร ตวอลคเกอร
พบวา คาของความกดอากาศที่ระดับผิวน้ําทะเล ณ เมืองดารวิน ซึ่งอยูทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย จะสลับ
สูงต่ํากับคาความกดอากาศที่ตาฮิติ เมื่อความกดอากาศที่ตาฮิติสูงความกดอากาศที่ดารวินก็จะต่ํา และถาความกด
อากาศที่ตาฮิติต่ําความกดอากาศที่ดารวินก็จะสูง กลับกันแบบนี้ ปรากฏการณนี้มีชื่อวา‘ElNino-Southern
Oscillation’ หรือ ENSO (เอ็นโซ) ดังนั้นจึงมีนักวิทยาศาสตรกลุมหนึ่งเรียกปรากฏการณนี้ วา ‘เอ็นโซ’ แทนที่จะ
เรียกเอลนิโน

