Page 42 - ภูมิอากาศ
P. 42

42














                                   รูปที่ 12  ปริมาณก๊าซมีเทนที่เพิ่มขึ้นระหว่างปี ค.ศ 1750-2000

                                                   ที่มา : www.umich.edu

                                                                 ิ
                             ้
                                                                                                      ้
                     การปลูกขาว ถือเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซมีเทนที่มาจากกจกรรมของมนุษย์แหล่งใหญ่ที่สุด เนื่องจากขาวเป็น
                                                                  ิ่
              แหล่งอาหารแก่ประชากร 1 ใน 3 ของโลก โดยพนที่ปลูกข้าวได้เพมขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา การปลูกข้าว
                                                     ื้
              ส่วนใหญ่ปลูกในนาข้าวที่มีน้ำท่วมขัง และแบคทีเรียจะย่อยสลายสารอินทรีย์ในนาข้าว และปลดปล่อยก๊าซมีเทนออกมา
                   ั
              โดยมีอตราการปล่อยก๊าซนี้จากนาข้าวประมาณ 1.1-32.2 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรต่อชั่วโมง โดยรวมแล้วมีการปล่อย
              ก๊าซนี้ออกจากนาข้าวทั่วโลกประมาณ 50 -100 ล้านตันต่อปี ในขณะที่กิจการปศุสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น โค กระบือ
                            ู
              สุกร แพะ แกะ อฐ ล้วนระบายก๊าซมีเทนออกมาทั้งสิ้น ทั้งจากการย่อยสลายสิ่งปฏิกูลในฟาร์ม และจากตัวสัตว์ ซึ่ง
              แบคทีเรียในลำไส้ของสัตว์เหล่านี้จะย่อยสลายอาหารและปล่อยก๊าซมีเทนออกมา โคหรือวัวแต่ละตัวสามารถระบายก๊าซ
              มีเทนออกมาได้วันละประมาณ 0.22 กิโลกรัม ดังนั้นวัวทั่วโลกประมาณ 1,300 ล้านตัว จะปล่อยก๊าซมีเทนออกมาได้ถึง

              วันละกว่า 300,000 ตัน

                     (3)  ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (Nitrous oxide : N2O) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ หรือก๊าซหัวเราะ (Laughing Gas)
                             ื้
              ถูกปล่อยออกจากพนโลกสู่บรรยากาศตามธรรมชาติ จากทะเล มหาสมุทร และโดยแบคทีเรียในดิน ก๊าซไนตรัสออกไซด์
              ในบรรยากาศโลกเพมขึ้นกว่าร้อยละ 15 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2293 (ค.ศ.1750) เป็นต้นมา และเพมขึ้นในแต่ละปีประมาณ
                              ิ่
                                                                                        ิ่
              7-13 ล้านตัน โดยมีกิจกรรมทางการเกษตรที่มีการใช้ปุ๋ยที่มีองค์ประกอบของไนโตรเจน โดยปัจจุบันมีปริมาณการใช้ปุ๋ย
                                        ิ่
              ที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบเพมขึ้นเป็น 2 เท่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อใช้ปุ๋ยนี้ทางการเกษตร แบคทีเรียจะย่อย
              สลายและปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศ นอกจากนี้ การกำจัดสิ่งปฏิกูลของมนุษย์และสัตว์ และไอเสียจากยาน
              ยนต์ก็เป็นแหล่งกำเนิดก๊าซนี้สู่บรรยากาศเช่นกัน แต่ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงมี

              องค์ประกอบของคาร์บอนมากกว่าไนโตรเจน

                     (4)  ก๊าซกลุ่มฟลูออโรคาร์บอน (Fluorocarbon : FCs) ฟลูออโรคาร์บอน (Fluorocarbons) เป็นชื่อทั่วไป
              ของสารประกอบอนทรีย์สังเคราะห์ที่มีสารฟลูออรีน (Fluorine) และคาร์บอน (Carbon) เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย
                             ิ
              สารเหล่านี้มีคุณสมบัติสามารถระเหยเป็นก๊าซ หรือกลายเป็นของเหลวได้ง่ายจึงนิยมใช้ในกระป๋องสเปรย์ ตู้เย็น และ

              เครื่องปรับอากาศเช่นสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons, CFCs) ต่อมาได้มีการยกเลิกการใช้
              สาร CFCs เนื่องจากเป็นสารที่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ เป็นผลให้เกิดรูโหว่ของโอโซนในบรรยากาศ จึงทำให้รังสี

               ุ
                                              ื้
              อลตร้าไวโอเลตสามารถส่องผ่านมาถึงพนโลกในปริมาณที่มากขึ้น เกิดผลเสียต่อทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลก เช่น
              การเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง จึงหันมาใช้สารกลุ่มไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) ซึ่งเป็นสารที่ไม่ทำลายชั้นโอโซนแทนสาร
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47