Page 30 - ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา
P. 30
30
ใน ภาพ IR บริเวณที่มีค่าความส่องสว่างมากๆ หมายถึง บริเวณที่มีอุณหภูมิต่่ามาก เช่น บริเวณส่วนยอด
ของเมฆ หรือเมฆที่ก่อตัวในระดับสูงมักจะมีอุณหภูมิต่ า สีที่ ปรากฏในภาพดา วเทียมจึงเป็นสีขาวหรือสีเทาอ่อน ๆ
ี
ส่วนเมฆที่อยู่ต่ ากว่าและมอุณหภูมิอุ่นกว่าจะปรากฏในโทนสีที่คล้่ากว่าหรือบางครั้งอาจกลมกลืนไปกับพื้นดินหรือ
พื้นน้ าได้
2. ความหยาบ/ละเอียดของพื้นผิวเมฆ (Cloud Texture) ความหยาบ/ละเอียดของพื้นผิวเมฆเป็นสิ่ง
ส าคัญอีกประการหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาแปลความ ซึ่งแสดงเฉพาะในภาพ VIS เท่านั้น โดยพิจารณาเงาที่ปรากฏ
ขึ้นของเมฆ เมฆที่มีลักษณะตะปุ่มตะป่่าและก่อตัวในทางตั้งมักท าให้เกิดเงาได้ดีและมีเงาเป็นจ านวนมาก แสดงว่า
เมฆก้อนนั้นมีพื้นผิวที่หยาบ ขณะที่เมฆที่มีพื้นผิวในส่วนยอดของเมฆราบเรียบ (Smooth) มักจะปรากฏเป็นเงาขึ้นใน
บริเวณส่วนยอดของเมฆนั้น แต่จะมีการทอดเงาเฉพาะบริเวณขอบไปยังชั้นเมฆที่อยู่ต่ ากว่าหรือบนพื้นดิน ลมชั้นบน
อาจท าให้เมฆที่เกิดขึ้นในระดับสูงฉีกขาดออก ซึ่งอาจปรากฏให้เห็นเป็นเส้นใยในภาพดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา
3. รูปร่างลักษณะของโครงสร้าง (Organizational pattern) รูปร่างที่ปรากฏในภาพดาวเทียมอาจมี
ลักษณะโครงสร้างเป็นแบบแถบ (Band), แนวหรือเส้น (Linear), การหมุนวนหรือแนวโค้ง (Circular) และรูปแบบ
เซลล์ (Cellular)
4. ความคมชัดของขอบ (Edge definition) ขอบของเมฆที่ปรากฏในภาพถ่ ายดาวเทียมเช่นลักษณะที่
ขาดวิ่น หรือเป็นขอบที่คมชัดรวมทั้งขนาดและรูปทรงของเมฆสามารถใช้ในการพิจารณาชนิดของเมฆได้ โดยทั่วไปวิธี
ที่ดีที่สุดใน การพิจารณาจ่าแนกเมฆแต่ละชนิดต้องน่าภาพ VIS และภาพ IR ในช่วงเวลาเดียวกัน หรือใกล้เคียง
กันและเป็นบริเวณเดียวกันมาพิจารณา ร่วมกันเสมอ ใน ภาพ VIS ใช้ในการพิจารณาเกี่ยวกับ รูปทรงของเมฆ,
ความหยาบ/ละเอียดพื้นผิวของเมฆ, รูปร่างลักษณะโครงสร้างของเมฆและความหนาของเมฆได้เป็นอย่างดี ข้อมูล
เหล่านี้จ าเป็นต้องน าไปเปรียบเทียบกับ ภาพ IR เพื่อพิจารณาความสูงต่่าของเมฆ ซึ่งเมื่อน ามาพิจารณาร่วมกัน จะ
ช่วยท าให้ได้ข้อสรุปในการแปลความเมฆในภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกต้อง รวมทั้งสภาพอากาศที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก
เมฆชนิดนั้นด้วย

