Page 15 - การตรวจอากาศด้วยเรดาร์
P. 15
๑๑
ุ
ื้
ผลการตรวจสอบกบัภาพถ่ายดาวเทียมอตุนิยมวิทยาพบว่าบริเวณพนที่ฝนกำลังแรงในภาพเรดาร์ตรวจอากาศ
ไม่ปรากฏเมฆในภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาจึงสรุปได้ว่าเป็นภาพสะท้อน ชนิด AP
๒. การวิเคราะห์ Downburst/Microburst/windShear หลักการวิเคราะห์มีดังต่อไปน ี้
ี่
๒.๑ ทำการตรวจเมฆก่อตัวในทางตั้งที่ระดับความสูง ๕ กิโลเมตร (บริเวณทปรากฏค่าการสะท้อนสูง)
่
ั้
้
้
๒.๒ พิจารณาค่าการสะทอน หากมีค่าการสะทอนตงแต 50 dBZ หรือมากกว่า แสดงว่าเมฆก้อนนั้น
มีโอกาสเกิด Downburst/Microburst และเมื่อเกิด Downburst/Microburst แล้ว WindShear จะเกิดร่วมด้วย
ภาพเปรียบเทยบการเจริญเตบโต ของเมฆพายฟุ้าคะนองโดยทวไปและเมฆพายฟุ้าคะนองทรุนแรง และอาจเกิด
ิ
ี่
ั่
ี
Microburst
จากภาพ สเกลในแนวตั้งคือความสงูมีหน่วยเป็นกิโลเมตร (ซ้าย) และกิโลฟต (ขวา) ส่วนสเกลในแนวนอน
ุ
้
เป็นช่วงเวลาของการเจริญเติบโตมีหน่วยเป็นนาที ผลการเปรียบเทียบเมฆพายุฟาคะนองโดยทั่วไปกับเมฆพายุ
ฟ้าคะนองที่รุนแรง จะพบว่า
- ในช่วงนาทีที่ ๑๐ ส่วนยอดของกระแสอากาศไหลขึ้น (Updraft : บริเวณที่เป็นสีดำ) มีความสูงประมาณ
๖ กิโลเมตร ในขณะที่พายุฟ้าคะนองที่รุนแรงจะมีความสูงประมาณ ๙ กิโลเมตร
- นาทีที่ ๑๕ กระแสอากาศไหลขึ้นในเมฆพายุฟาคะนอง โดยทั่วไป เปลี่ยนสภาพเป็นกระแสอากาศไหล
้
ลง (Downdraft) และยอดของกระแสอากาศไหลขึ้นลดลงมาที่ระดับ ๓ กิโลเมตร ในขณะที่กระแสอากาศไหลขึ้น
ในเมฆพายุฟ้าคะนองที่รุนแรงยังคงเจริญเติบโตสูงขึ้นไปจนถึงระดับ ๑๒ กิโลเมตร
นาทีที่ ๒๐ ภายในเมฆพายฟุ้าคะนอง โดยทั่วไปสภาพของกระแสอากาศไหลขึ้นสิ้นสุดลง แต่ในเมฆพายุฟ้าคะนอง
ที่รุนแรงเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นกระแสอากาศไหลลง
ุ้
กล่าวโดยสรุปเมฆพายฟาคะนอง ที่รุนแรงและมีโอกาสที่จะเกิด Microburst ขึ้นนั้นจะลอยตัวได้นานกว่า
ปกติ และในการตรวจดังกล่าวเป็นการตรวจเข้าไปในเนื้อเมฆ จึงมิได้หมายความว่ามีฝนตก ๕๐ มิลลิเมตร
ต่อชั่วโมง แต่การตรวจพบค่าการสะท้อนตั้งแต่ 50 dBZ หรือ มากกว่า เป็นการตรวจพบเมฆก่อตัวในทางตั้ง

