Page 8 - การตรวจอากาศด้วยเรดาร์ของกรมอุตุ
P. 8
๘
๓. การวิเคราะห์ลูกเห็บในภาพเรดาร์ตรวจอากาศ
การตรวจพบค่าการสะท้อนที่มีค่ามากกว่า ๕๕ dBZ หมายถึง บริเวณที่มีลูกเห็บส่วนมากได้จากการตรวจ
้
็
แบบ Base Composite Reflectivity เช่น การตรวจ CAPPI เปนตน (เปนการตรวจในบริเวณที่มีค่าการสะท้อน
็
สูง) ซึ่งอาจจะไม่ใช่ฝนตกใต้ฐานเมฆในขณะนั น แต่เป็นความรุนแรงภายในเมฆที่ตรวจพบ
๔. การวิเคราะห์หาศนย์กลางของพายุหมุนเขตร้อนด้วยเรดาร์ตรวจอากาศ
ู
ุ
้
เมื่อมีระบบของพายหมุนเขตร้อน เคลื่อนที่เขามาในรัศมีท้าการของเรดาร์จะปรากฏเป็นแถบฝน (rainband) ใน
ภาพเรดาร์ตรวจอากาศ ลักษณะการวางตัวของแถบฝนเป็นแนวโค้งเข้าหาศูนย์กลางของพายุ สอดคล้องกับระบบ
์
หมุนเวียนของลมรอบๆ พายหมุนเขตร้อน ในการหาตาแหน่งศูนยกลางของพาย จะใช้แผ่น Spiral Overlay โดย
้
ุ
้
ุ
์
น้าไปวางทาบกับแถบฝนที่ปรากฏโดยการจัดใหมีการซ้อนทับกันอยางสมดลย ตามรูปแบบของแถบฝนและแนว
่
ของเส้นใน Spiral Overlay โดยทั่วไป
Typhoon ใช้แผ่น Spiral Overlay ๑๐ องศา
Tropical Strom ใช้แผ่น Spiral Overlay ๑๕ องศา
Depression ใช้แผ่น Spiral Overlay ๒๐ - ๓๐ องศา
รูป Spiral Overlay เพื่อพิจารณาศูนย์กลางของพายุหมุนเขตร้อน
๕. การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของฝนล่วงหน้า
ุ
จากการศึกษาของนักวิชาการกรมอุตนิยมวิทยาพบว่าการเคลื่อนที่ของฝนจะเคลื่อนที่ไปตามทิศทางลมที่
ระดับ ๑๐ เมตร ซึ่งให้ค่าความถูกต้องร้อยละ ๗๐
๖. การวิเคราะห์แยกขั้นการพัฒนาตัวของเมฆพายุฟ้าคะนอง
การแยกขั นการพัฒนาตวของเมฆพายุฟ้าคะนอง พิจารณาจาก
ั
๑. ทฤษฎีโครงสร้างของเมฆก่อตัวในทางตั ง
๒. ทฤษฎีขั นการพัฒนาตัวของเมฆก่อตัวในทางตั ง
๓. Radar Bright Band
ั
๔. การแบงชั นความสูงของเมฆก่อตวในทางตง ทฤษฎีโครงสร้างของเมฆก่อตวในทางตงและทฤษฎ ี
ั
่
ั
ั
ั
ขั นการพัฒนาตัวของเมฆก่อตัวในทางตงพอสรุป ดังนี
- ขั นการก่อตัว (Cumulus Stage) ไม่ปรากฏฝนตกใต้ฐานเมฆ
- ขั นเจริญเติบโตเต็มที่ (Mature Stage) มีฝนตกใต้ฐานเมฆสะสมพลังงาน และการปลดปล่อยพลังงาน
- ขั นสลายตัว (Dissipating Stage) มีฝนตกใต้ฐานเมฆ และมีการปลดปล่อยพลังงานเพียงอย่างเดียว

