Page 9 - การตรวจอากาศด้วยเรดาร์ของกรมอุตุ
P. 9
๙
์
ส้าหรับ Radar Bright Band คือ ปรากฏการณธรรมชาตที่ผลึกน ้าแข็งบริเวณส่วนบนของเมฆไดตกผ่าน
้
ิ
่
ระดบละลาย (Melting Point) แล้วเปลี่ยนสถานะเปนของเหลวแตอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะดงกล่าวมี
ั
็
ั
ั
็
่
เฉพาะในเมฆที่ก้าลังสลายตวเท่านั น ค่าสะท้อนที่ตรวจพบจะเป็นค่าเสมือนไม่เปนค่าที่แท้จริงหรือเรียกวา “การ
แปดเปื้อนของเรดาร์ตรวจอากาศ”
่
ประการสุดท้ายการแบงชั นความสูงของเมฆก่อตัวในทางตั ง จากการศึกษาเมฆก่อตัวในทางตั งในเขตร้อน
พบว่ายอดเมฆอาจสูงขึ นไปถึง ๑๕ กิโลเมตร ซึ่งเป็นระดับ Tropopause เราสามารถแบ่งเมฆออกเป็นสองส่วนคือ
๑. ส่วนยอดของเมฆที่ก่อตัวในทางตั ง โดยทั่วไปจะมีความสูงประมาณ ๑ ใน ๓ ของความสูงของเมฆ
๒. ส่วนเนื อเมฆ มีความสูงประมาณ ๒ ใน ๓ ของความสูงของเมฆ
ดังนั นหากเมฆก่อตัวในทางตั งสูงประมาณ ๑๕ กิโลเมตร ความสูงของยอดเมฆจะเท่ากับ ๕ กิโลเมตร ส่วน
เนื อเมฆจะสูงประมาณ ๑๐ กิโลเมตร และบริเวณตอนกลางของเมฆจะอยู่ที่ระดับความสูง ประมาณ ๘ กิโลเมตร
หลักการจ าแนกขั้นการพัฒนาตัวของเมฆพายุฟ้าคะนอง
ุ
ั
ั
ั
ั
่
ั
๑. ขนก่อตว พิจารณาร่วมกบภาพถายดาวเทียมอุตนิยมวิทยา หากปรากฏเมฆก่อตวในทางตง ปกคลุม
แต่เรดาร์ตรวจไม่พบฝนใต้ฐานเมฆ แสดงว่าเมฆก่อตัวในทางตั งอยู่ในขั นนี
ั
้
ั
ิ
็
ั
ั
๒. ขนเจริญเตบโตเตมที่ ใหท้าการตรวจโดยยกจานเรดาร์ตรวจเมฆก่อตวในทางตงที่ระดบ ๘ กิโลเมตร
(ตอนกลางของเมฆ) และที่ระดับ ๙ - ๑๐ กิโลเมตร แล้วเปรียบค่าการสะท้อน (dBZ) ทั งสองระดับหากค่า dBZ ที่
ั
ั
่้
ระดบ ๙ - ๑๐ กิโลเมตร มีค่าตากว่าที่ระดบ ๘ กิโลเมตร หมายถง เมฆก่อตวในทางตงนั น ยงคงมีการสะสม
ั
ั
ึ
ั
พลังงานต่อไป และจะยังคงมีฝนตกต่อไปได้อีก
ั
ั
3. ขนสลายตว หากตรวจพบค่า dBZ ที่ระดบ ๙ - ๑๐ กิโลเมตร มีค่าสูงกว่าที่ระดบ ๘ กิโลเมตร
ั
ั
หมายถึง เมฆปลดปล่อยพลังงานอย่างเดียว ฝนที่ตกอยู่ก้าลังจะหยุดตก
7. การวิเคราะห์โอกาสเกิดฝนตก และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของฝน
การวิเคราะหโอกาสเกิดฝนตกและแนวโน้ม การเปลี่ยนแปลงของฝนในเมฆ ท้าไดโดยการน้าภาพเรดาร์ตรวจ
์
้
อากาศหลายสถานี มาวิเคราะห์ร่วมกันท้าให้ตอบค้าถามที่ส้าคัญ ๓ ประการได คือ
้
๑. ฝนจะตกเวลาใด
่
๒. ฝนจะยังคงตกต่อเนื่องหรือไม
๓. ฝนจะหยุดตกเมื่อใด
หลักการวิเคราะห์
น้าภาพเรดาร์ที่อยู่ใกล้สถานีตรวจอากาศ (มากที่สุด ) เปรียบเทียบค่าการสะท้อนที่อยู่ไกลจากสถานีตรวจ
อากาศโดยรอบ เช่น หากต้องการวิเคราะห์โอกาสเกิดฝนตกหรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของฝนบริเวณกรุงเทพ
ใหพิจารณาภาพเรดาร์ของดอนเมืองเปนเรดาร์ตวใกล้ และใช้เรดาร์ตรวจอากาศที่สถานีที่ระยอง และหวหนเป็น
ิ
้
ั
็
ั
ึ
เรดาร์ตัวไกล เป็นต้น จากลักษณะคุณสมบัตของล้าคลื่นของเรดาร์ตรวจอากาศจะลอยสูงขึ นเมื่อระยะทางเพิ่มขน
ิ
์
็
จึงเปนประโยชน์ที่น้ามาใช้ในการวิเคราะหโอกาสเกิดฝนตก และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของฝน ทั งนี เพราะ
เรดาร์ตัวใกล้จะตรวจปรากฏการณ์ใต้ฐานเมฆในขณะที่เรดาร์ตัวไกลจะท้าการตรวจเข้าไปในเนื อเมฆ แสดงว่าหาก
เราน้าภาพเรดาร์มาวิเคราะหร่วมกัน และพิจารณาจากค่าการสะท้อน (dBZ) จะท้าใหทราบแนวโน้มการ
์
้
เปลี่ยนแปลงของฝน อย่างไรก็ตามจ้าเป็นจะต้องติดตามผลการตรวจอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่าง การวิเคราะหโอกาสเกิดฝนและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของฝน การวิเคราะหโอกาสเกิดฝน
์
์
และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของฝนของเรดาร์ตรวจอากาศดอนเมือง (เรดาร์ตัวใกล้) พิจารณาเฉพาะกลุ่มฝน
ุ
ิ
บริเวณจังหวัดสมุทรสาคร บริเวณอ่าวไทย และบริเวณจังหวัดเพชรบุรี โดยมีเรดาร์สนามบนส วรรณภูมิ, ระยอง,
หัวหิน (เรดาร์ตัวไกล) ประกอบการวิเคราะห์

