Page 28 - ทฤษฎีอุตุนิยมวิทยา
P. 28
24
ิ
5.2 ระยะห่างของดวงอาทตย์ เนื่องจากโลกมีวิถีโคจรรอบดวงอาทตย์เป็นวงรี ระยะห่างจากดวงอาทตย์เมื่อ
ิ
ิ
อยู่ ณ ตำแหน่งต่างๆ จึงไม่เท่ากัน เป็นผลให้ค่า Solar constant แปรเปลี่ยนตามไปด้วย เช่นเมื่อโลกอยู่ในตำแหน่ง
2
ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด (Perihelion) ประมาณ 1-3 ม.ค. Solar constant จะมีค่าประมาณ 2.01 กรัม-แคลอรี่ /ซม /
ิ
นาที และเมื่อโลกอยู่ทตำแหน่งไกลดวงอาทตย์ทสุด (Aphelion) ประมาณ 4-6 ก.ค. Solar constant มีคาประมาณ
ี่
่
ี่
1.88 กรัม-แคลอรี่ /ซม /นาที
2
ั้
ิ
่
ี่
ี่
5.3 มุมของดวงอาทิตย์ที่กระทำตอโลก ปริมาณพลังงานทผิวโลกได้รับในขณะทแสงอาทตย์ทำมุมตงฉากกับ
พื้นที่นั้นย่อมมากกว่าเมื่อแสงทำมุมเอียง
5.4 ความนานของช่วงกลางวัน ช่วงกลางวันยิ่งยาวนานปริมาณ Insolation ที่ได้รับ ณ ตำบลนั้นๆ ก็ยิ่งมาก
ซึ่งช่วงเวลาของวันก็ขึ้นอยู่กับค่าเส้นรุ้ง (Latitude) ของตำบลนั้น และช่วงเวลาของปี (ฤดู) โดยตรง
6. การสูญเสียพลังงานของรังสีดวงอาทิตย์
พลังงานที่ดวงอาทิตย์แผ่ผ่านห้วงอวกาศมานั้นจะมีค่าคงที่เมื่อยังไม่เข้าสู่บรรยากาศของโลก แต่เมื่อผ่าน
บรรยากาศเข้ามาแล้วจะสูญเสียพลังงานไปบางส่วน ตัวการต่างๆ ที่ทำให้ Insolation สูญเสียพลังงานมีดังนี้
6.1 ผลกระทบจากบรรยากาศ บรรยากาศจะทำหน้าที่แพร่กระจาย (Scattering) และดูดซึม (Absorption)
รังสีดวงอาทิตย์ที่ผ่านเข้ามา โดยโมเลกุลของอากาศจะกระจายรังสีจากดวงอาทิตย์ออกไปทุกทิศทุกทางในท้องฟ้าก่อน
้
ิ
ผ่านลงมาถึงพื้นโลก ท้องฟ้าในเวลากลางวันจึงแลดูเจดจา แก๊สแต่ละชนิดที่ประกอบขึ้นมาเป็นบรรยากาศจะเลอกดด
ื
ู
ซึมรังสีดวงอาทิตย์แต่ละช่วงความยาวคลื่นเฉพาะตัว ในขณะที่ปล่อยให้คลื่นขนาดอื่นผ่านไป พวกคลื่นสั้น (Short
wave) ทั้งหลายจะถูกบรรยากาศในระดับบนดูดซึมไว้บรรยากาศไม่สามารถดูดซึมรังสีดวงอาทิตย์ที่มีความยาวคลื่น
มากกว่า 0.34 ไมครอน (ซึ่งได้กล่าวแล้วว่าดวงอาทตย์แผ่พลังงานย่านนี้มาด้วยความเข้มสูงสุด) จะผ่านบรรยากาศลง
ิ
้
ิ
มาได้โดยง่าย แล้วถูกพื้นดินดูดซึมไว้ ทำให้อุณหภูมิของพื้นดินเพิ่มขึ้น และต่อมาก็เป็นผลให้อากาศใกลๆ พื้นดนร้อน
ขึ้นด้วยการนำความร้อนและการพาความร้อน
6.2 ผลกระทบจากเมฆจำนวน ชนิด และความหนาของเมฆ มีผลในการขัดขวางรังสีดวงอาทิตย์ที่ ส่องลงมาส ู่
พื้นโลก การสูญเสียพลังงานจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเมฆนั้นๆ ในเรื่องการ สะท้อนกลับ (Reflection),
การดูดซึม (Absorption) โดยหยดน้ำและผลึกน้ำแข็งที่อยู่ในเมฆ และการแพร่กระจาย (Scattering) ความสามารถใน
การสะท้อนแสงกลับ (Albedo) ของเมฆแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันมาก เมฆชั้นสูงและเมฆแผ่นมี Albedo ประมาณ
21%, เมฆแผ่นในชั้นกลางประมาณ 48%, เมฆแผ่น ชั้นต่ำ 69% และเมฆก่อตัวทางตั้งทสูงใหญ่มี Albedo ประมาณ
ี่
70% ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความหนาของเมฆนั้นดวย Insolation จะถูกเมฆดูดซึมไว้บ้างเพียงเลกน้อย และเมฆยังเป็นตัว
้
็
ขัดขวางบางส่วนของ Terrestrial radiation ซึ่งเป็นคลื่นยาวที่โลกแผ่ออกไปสู่อวกาศในเวลากลางคืนอีกด้วย ทำให้
ความต่างอุณหภูมิในเวลากลางวันและกลางคืนมีไม่มากนักในวันที่มีเมฆมาก

