Page 26 - ภูมิอากาศ
P. 26

26


              ของภาคซึ่งอยู่ใกล้ทะเลจีนใต้มากกว่าทางตะวันตกจะมีฝนตกมากกว่าทางด้านตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณเหนือสุด
                                                                                               ี๋
              คือจังหวัดหนองคาย มีฝนตกเฉลี่ยสูงถึง 2,800 มิลลิเมตร เพราะบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับอ่าวตังเกยมากกว่าพนที่
                                                                                                         ื้
              อื่นๆ ของภาคนั่นเอง
                                   ภาคกลางมีฝนตั้งแต่ 1,000-2,400 มิลลิเมตร ทางด้านตะวันออกของภาคมีฝนตกชุก

              กว่าด้านตะวันตก เพราะด้านตะวันออกเป็นด้านรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พดไปปะทะทิวเขาดงพญาเย็น ส่วน
                                                                               ั
                                                                 ี่
              ทางด้านตะวันตกเป็นด้านเงาฝนของทิวเขาตะนาวศรี บริเวณทฝนตกชุกที่สุดได้แก่ตอนเหนือของจังหวัดนครนายก
              ซึ่งเป็นด้านรับลมของเทือกเขาสันกำแพง

                                   ภาคตะวันตกมีฝนตกตั้งแต่ 800-2,400 มิลลิเมตร โดยฝนจะตกมากที่สุดบริเวณอำเภอ
              ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีฝนตกเฉลี่ยถึง 2,400 มิลลิเมตร เพราะเป็นด้านรับลม ส่วนที่อำเภอเมือง

              กาญจนบุรี ซึ่งเป็นด้านเงาฝนมีฝนตกเฉลี่ย 800-1,000 มิลลิเมตรเท่านั้น

                                   สำหรับภาคตะวันออก บริเวณใต้สุดของภาคจะมีฝนตกมากกว่า 4,000 มิลลิเมตร ซึ่ง
              นับว่าสูงมาก ปริมาณฝนจะลดน้อยลงเมื่อขึ้นไปทางเหนือของภาค โดยทางเหนือสุดจะมีฝนตกน้อยที่สุดมีปริมาณ

              1,200-1,400 มิลลิเมตรเท่านั้น

                                                                   ื่
                                   ส่วนภาคใต้มีฝนตกเฉลี่ยมากกว่าภาคอน ๆ โดยมีฝนตกตั้งแต่ 1,100 ถึงมากกว่า 4,000
              มิลลิเมตร บริเวณที่มีฝนตกมากที่สุดของภาคได้แก่ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง กับตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า

              จังหวัดพงงา ทางด้านตะวันออกจะมีฝนตกน้อยกว่าทางด้านตะวันตก เพราะเป็นด้านเงาฝนของลมมรสุมตะวันตก
                     ั
              เฉียงใต้ แม้จะได้รับอิทธิพลของลมมรุสมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทยมาก่อนก็ตาม
                                   นอกจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้แล้วประเทศไทยยังได้รับอทธิพลจากร่องมรสุมและพายุ
                                                                                  ิ
              หมุนเขตร้อนด้วย ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
                            3.5  ร่องมรสุม (Inter-tropical Convergence Zone: ITC, ITCZ)

                            ร่องมรสุมเป็นแนวที่เกิดจากลมสินค้าจากซีกโลกเหนือ (Northeast Trade Wind) และลมสินค้า
              จากซีกโลกใต้ (Southeast Trade Wind) มาพบกัน แนวนี้เกิดใกล้กับเส้นศูนย์สูตรและพาดรอบโลก แนวนี้เห็นได้

              ชัดเจนในมหาสมุทร ส่วนบนแผ่นดินเห็นไม่ชัดเจนนักและเกิดเป็นแนวกว้าง ร่องมรสุมจะพาดอยู่ทางตอนใต้ของ

              ไทย โดยมีตำแหน่งต่ำสุดในเดือนมกราคมและเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปทางเหนือในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะพาดผ่าน
              ภาคกลางของประเทศในเดือนพฤษภาคม และมีตำแหน่งสูงสุดพาดผ่านทางตอนใต้ของประเทศจีนในเดือน

                                                          ี
              กรกฎาคม หลังจากนั้นก็จะเริ่มเคลื่อนตัวลงมาทางใต้อกในเดือนสิงหาคม และพาดผ่านภาคใต้ของประเทศในเดือน
              ตุลาคม ในห้วงเวลาที่ร่องมรสุมเคลื่อนขึ้น-ลง ผ่านประเทศนี้ทำให้มีฝนตกชุกอยู่ทั่วไป ทั้งนี้เพราะตามแนวของร่อง
              มรสุมมักมีเมฆมาก และฝนกระจาย ความรุนแรงของสภาพอากาศขึ้นอยู่กับความกว้างของร่องมรสุม หากร่อง

              มรสุมแคบสภาพอากาศจะเลวกว่าร่องมรสุมที่มีแนวกว้างกว่า

                            สรุปแล้ว ร่องมรสุมจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทยปีละ 2 ครั้ง คือจากใต้ขึ้นไปทางเหนือและกลับ
              จากทางเหนือลงมาทางใต้ ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ในฤดูฝน หรือฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

                            3.6  พายุหมุนในเขตร้อน (Tropical Cyclone)
                            พายุหมุนในเขตร้อนเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว (Transitory Weather

              Phenomena) มีอานุภาพร้ายแรงและเป็นภัยธรรมชาติที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31