Page 7 - สภาพอากาศในอวกาศ
P. 7
6
รูปที่ 7 สนามแม่เหล็กระหว่างดวงดาว (The Interplanetary Magnetic Field : IMF)
ลมสุริยะพัดกวาดผ่านโลกและปกคลุมไปทั่วอวกาศในระบบสุริยะจักรวาลไกลออกไปจนถึงด้านหลัง
แนวโคจรของดาวพลูโต อย่างไรก็ตามพึงระลึกเสมอว่าลมสุริยะเป็นชั้นบาง ๆ คล้ายกับผืนธงที่สะบัดในพายุ
ความหนาแน่นของลมสุริยะเริ่มตั้งแต่สองถึงสามร้อยอนุภาคต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในขณะที่อากาศที่เรา
หายใจมีความหนาแน่นมากกว่าประมาณแสนล้านล้านเท่า อันที่จริงห้องสุญญากาศในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
การที่จะบีบอัดเพื่อก่อให้เกิดความกดที่ต่ำและมีความหนาแน่นดังเช่นลมสุริยะเป็นไปได้ยากมาก
นอกจากนี้ยังมีการแทรกเข้ามาของ รังสีคอสมิก (Galactic Cosmic Ray) ในสื่อกลางระหว่างดวงดาว
ด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ได้เป็นผลของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ แต่เกิดจากปรากฏการณ์ระยะไกล เช่น
การระเบิดของกลุ่มดาว และปรากฏการณ์ของหลุมดำที่กลืนกินบรรดาดวงดาว รังสีคอสมิกมีองค์ประกอบ
หลักของอิเล็กตรอนและไอออน (ส่วนมากเป็นโปรตอน) เคลื่อนตัวด้วยความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วแสงผ่าน
ระบบสุริยะไปอย่างรวดเร็วในทุกทศทางโดยมีอัตราเร็วของการเคลื่อนที่คงที่ อนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอื่น ๆ
ิ
ที่เกิดขึ้นในสื่อกลางระหว่างดวงดาวซึ่งมีผลต่อสภาพอากาศในอวกาศน้อยมาก เนื่องจากผลกระทบค่อนข้าง
จำกัด เช่นฝนดาวตก ดาวเคราะห์น้อย และดาวหาง สิ่งเหล่านี้จัดเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ซึ่งอาจ
ส่งผลต่อสภาพอากาศในอวกาศเป็นช่วงระยะเวลาอันจำกัด
2.3 สนามแม่เหล็กโลก (The Earth’s Magnetosphere)
สนามแม่เหล็กโลกมีรูปแบบค่อนข้างจะคงที่ซึ่งมีลักษณะเป็นสองขั้วมีเส้นแรงแม่เหล็กออกจากบริเวณ
ขั้วโลกใต้สู่อวกาศและวนไปบรรจบกันที่บริเวณขั้วโลกเหนือ ถ้าพิจารณาเป็นภาพสามมิติสนามแม่เหล็กโลก
คล้ายกับโดนัทที่มีขนาด 5 แสนกิโลเมตร (รูปที่ 8) หลังจากระยะนี้สนามแม่เหล็กโลกจะมีกำลังอ่อนลงจนถูก
่
กวาดออกไปด้านข้างโดยลมสุริยะ ซึ่งมาตามสนามแม่เหล็กระหว่างดวงดาว อันเป็นสนามแม่เหล็กกำลังออนที่
ถูกดึงจากขอบนอกของโคโรนา

