Page 20 - สภาพอากาศที่เป็นอันตรายต่อการบิน
P. 20
๒๐
ิ่
ุ
๑.๑.๒ การเพมความชื้นให้กับอากาศ (Supply of humidity) เพอท าให้อณหภูมิ
ื่
ื่
ุ
ของจุดน้ าค้างสูงขึ้นเท่ากับอณหภูมิของอากาศ เช่นการที่อากาศพัดผ่านน่านน้ ามาสู่พื้นที่ที่แห้งกว่าเพอเป็นการ
เพิ่มความชื้นให้กัน กับการระเหยของน้ าเข้าไปในอากาศ
๑.๒ การแบ่งหมอก หมอกแบ่งออกได้ดังนี้
๑.๒.๑ หมอกที่เกิดจากการเย็นตัวลงของอากาศ (Cooling fog) โดยปกติมักจะเกิด
ภายในมวลอากาศ บางทีเรียกว่าหมอกในมวลอากาศ (Air - mass fog) และยังแบ่งย่อยออกไปอีกได้ดังนี้
๑.๒.๑.๑ หมอกที่เกิดจากการแผ่รังสี (Radiation fog) หมอกชนิดนี้เกิดขึ้น
ื้
เนื่องจากผลของการเย็นลงในเวลากลางคืน (Nocturnal cooling) คือพนดินแผ่รังสีออกได้ดีกว่าอากาศ ท าให้
ื้
พนดินเย็นลง อากาศที่สัมผัสกับพนดินจะเย็นลงด้วย จนไอน้ าเกิดการกลั่นตัวเป็นหมอก ในกรณีที่ลมสงบหรือ
ื้
ื้
่
ลมออนความเร็วลมต่ าว่า ๕ นอต หมอกจะปกคลุมพนดินในระดับต่ า ๆ เท่านั้น ถ้าความเร็วลมตั้งแต่ ๕ นอต
จะคลุกเคล้าให้ชั้นของอากาศเย็นหนากว่ากรณีแรก จะท าให้หมอกขยายปกคลุมสูงขึ้นไปอก หมอกจะเกิดได้ดี
ี
จะต้องมีความชื้นสูง (High humidity) การแผ่รังสีของพื้นดินดี และท้องฟ้าต้องโปร่ง (Clear sky)
รูปที่ ๓-๑
หมอกที่เกิดจากการแผ่รังสีความร้อน (Radiation fog) หรือเรียกว่าหมอก
ื้
ิ่
ุ
พนดิน (Ground fog) เวลามีหมอกชนิดนี้เกิดขึ้นมักจะเกิดร่วมกับการเพมอณหภูมิตามระยะสูง
(Temperature inversion) เสมอ ส าหรับประเทศไทยมักจะเกิดในฤดูหนาว ถ้ามีการเพิ่มอณหภูมิตามระยะสูง
ุ
มาก เช่นในภาคเหนือ หมอกชนิดนี้จะเกิดได้ง่ายกว่าในภาคอื่นๆ
๑.๒.๑.๒ หมอกที่เกิดจากอากาศไหลทับพนผิวที่เย็นกว่านี้ เกิดจากการ
ื้
เคลื่อนที่ของอากาศในทางระดับ ในกรณีที่อากาศอนเคลื่อนที่เข้าไปทับพนน้ าที่เย็นกว่า หมอกที่เกิดขึ้นจะหนา
ุ่
ื้
มาก แม้ความเร็วลมจะสูงถึง ๑๕ นอต ก็ตาม เมื่อความเร็วลมมากกว่า ๑๕ นอต ผลอันเนื่องจากกระแสอากาศ
ปั่นป่วนมักจะยกให้หมอกกลายเป็นเมฆสเตรตัส (Stratus)

