Page 24 - สภาพอากาศที่เป็นอันตรายต่อการบิน
P. 24

๒๔



                                ๒.๑ ฝน (Rain) เป็นน้ าฟ้าซึ่งมีภาวะเป็นของเหลว เกิดเมื่อละอองไอน้ าในก้อนเมฆจ านวนมาก
                                                                             ี
                  รวมตัวกันเป็นหยดน้ ามีขนาดใหญ่ ไม่อาจลอยตัวอยู่ในอากาศต่อไปได้อก ก็จะตกลงมาเป็นฝน ซึ่งมีฝนละออง
                  (drizzle) ฝนธรรมดา (rain) และฝนฟ้าคะนอง (thundershower) ทัศนวิสัยในฝนนั้นจะลดมากหรือน้อยขึ้นอยู่
                  กับชนิด ความรุนแรง และขนาดของเม็ดฝน โดยทั่วไปทัศนวิสัยในฝนจะมากกว่า ๑ ไมล์ ยกเว้นกรณีฝนตกหนัก

                                ๒.๒ หิมะ (Snow) เป็นน้ าฟ้าที่เป็นเกล็ดน้ าแข็ง ส่วนมากจะเป็นแฉกๆ หิมะประกอบด้วยมวล
                             ั
                  เกล็ดน้ าแข็งอนเกิดจากการกลั่นตัวของไอน้ าในอากาศที่มีอณหภูมิต่ ากว่าจุดเยือกแข็ง หากใช้วัตถุสีด าผิวเรียบ
                                                                   ุ
                  รองรับแล้วเอาแว่นขยายมาส่องดู จะสังเกตเห็นเกล็ดของน้ าแข็งแต่ละเกล็ดมีรูปร่างตั้งแต่หกเหลี่ยมรูปแบน
                                         ื่
                  ราบ รูปปริซึม และรูปร่างอน ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอณหภูมิและความชื้นในขณะเกิดหิมะ ทัศนวิสัยในหิมะนั้นจะ
                                                          ุ
                  ลดลงต่ ากว่าในฝนมาก เพราะหิมะทึบแสง สายตาจึงไม่สามารถมองผ่านเกล็ดหิมะได้ บางครั้งทัศนวิสัยลดลงถึง
                  ศูนย์ในหิมะหนัก
                                ๒.๓ ลูกเห็บ (Hail) ประกอบด้วยก้อนน้ าแข็งเล็กๆ กลมๆ โครงสร้างภายในก้อนน้ าแข็งที่
                  ประกอบเป็นลูกเห็บจะมีลักษณะกลมเป็นชั้นซ้อนกันคล้ายหัวหอม ปกติน้ าแข็งที่ตกลงมาเป็นลูกเห็บ ส่วนใหญ่

                  จะมองเห็นเป็นสีขาวขุ่น บางครั้งลูกเห็บตกลงมามีขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด ๐.๒-๒ นิ้ว ก็มี (๐.๕-๕
                                                                                             ั
                                                                                           ื
                  เซนติเมตร) เรียกลูกเห็บชนิดนี้ว่า Hailstones ลูกเห็บชนิดนี้เวลาตกลงมา อาจท าให้พชพนธุ์และสิ่งก่อสร้าง
                  เสียหายได้
                                ลูกเห็บที่ตกลงสู่พนดินเกิดจากเมฆคิวมูโลนิมบัสเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากภายในก้อนเมฆคิวมู
                                               ื้
                  โลนิมบัสมีกระแสไหลขึ้นอย่างแรง ท าให้หยดน้ าภายในก้อนเมฆถูกพดพาขึ้นสู่เบื้องบนในระดับสูง จนหยดน้ า
                                                                           ั
                                                                                                 ั
                  เย็นจัดกลายเป็นก้อนน้ าแข็งและตกลงมาสู่เบื้องล่างภายในก้อนเมฆ ต่อมาก้อนน้ าแข็งนี้จะถูกพดสู่เบื้องบนอก
                                                                                                           ี
                  เป็นเช่นนี้อยู่หลายรอบจนกระทั่งมีขนาดใหญ่ขึ้นจนหนัก จึงตกลงมาเป็นลูกเห็บ
                         ๓. ฝอยน้ าจากทะเล (Wind-blown spray from the sea)

                         ขณะที่ความเร็วลมเพิ่มขึ้นเหนือทะเล ยอดของคลื่นจะสูงขึ้นและผลสุดท้าย ฝอยน้ า (spray) จะเริ่มก่อ
                  ตัวจากคลื่นหัวแตกด้วยลมที่แรงขึ้น การพุ่งขึ้นของฟองจะถูกพัดพาเข้าไปในอากาศ เมื่อใดที่ความเร็วลมแรงขึ้น
                  ถึงขนาดพายุกล้า (Strong gale)  คือมีความเร็ว ๔๑-๔๗ นอต (๗๕-๘๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ฝอยน้ าจะเริ่ม

                                                                ิ่
                                                ื้
                  กระทบกระเทือนต่อทัศนวิสัยที่ผิวพน ผลของมันจะเพมขึ้นตามความเร็วลม และเมื่อลมมีความเร็วถึงขนาด
                  ไต้ฝุ่น ๖๔ นอต ขึ้นไป (๑๑๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทัศนวิสัยจะลดลงอย่างมาก การลดของทัศนวิสัยที่เกิดขึ้นโดย
                  ฝอยน้ าจากทะเลจะมีผลกระทบต่อชายฝั่งด้วย  เมื่อมีลมพัดเข้าหาฝั่ง (On shore wind)
                         ๔. อนุภาคของน้ ามันในบรรยากาศ   (Oil particles in the atmosphere)

                         ทัศนวิสัยในนครใหญ่ๆ บางแห่งอาจจะลดลงโดยการปรากฏของอนุภาคน้ ามันในอากาศได้บ้าง ไอ
                  น้ ามันจากยานยนต์เป็นต้นเหตุส าคัญของอนุภาคเหล่านี้ ในนครใหญ่ ๆ ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากต่อการ
                  คิดค้นหาวิธีที่จะลดมลภาวะในอากาศ (Air pollution) ซึ่งเกิดขึ้นโดยอนุภาคของน้ ามันที่เข้าสู่อากาศจากแหล่ง
                  อุตสาหกรรมและจากยานยนต์

                            ๕. ควันและฟ้าหลัว  (Smoke and Haze)
                         ควันท าให้ทัศนวิสัยลดลงไปในบริเวณที่มีอากาศสงบนิ่ง (stable) มากๆ จัดว่าเป็นมลภาวะ
                  (pollution) อย่างหนึ่ง
                         ควันเกิดจากการเผาไหม้ โดยเฉพาะในโรงงานอตสาหกรรม อนุภาคของควันมักมีขนาดใหญ่จึงหนัก
                                                                 ุ
                  และเกิดมากในระดับต่ า ๆ ในฤดูหนาวที่อากาศมีการทรงตัวดี ควันจะถูกจ ากัดไม่ให้ลอยสูงขึ้นไปจึงแขวนลอย
                  อยู่ในอากาศ ควันจะจางหายไปเมื่ออากาศไม่ทรงตัวหรือมีกระแสอากาศปั่นป่วนรุนแรง (Strong turbulence)
                  การปิดบังทัศนวิสัยจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับ

                                ๕.๑ อัตราการเกิดของควัน
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29