Page 21 - สภาพอากาศที่เป็นอันตรายต่อการบิน
P. 21
๒๑
รูปที่ ๓-๒
หมอกที่เกิดจากอากาศไหลทับพนผิวที่เย็นกว่านี้ ในฤดูหนาวเกิดขึ้น
ื้
ื้
ุ่
ื้
เนื่องจากเมื่ออากาศอนและมีความชื้นมากจากพนน้ าไหลไปยังพนดินที่เย็นกว่า (Warm air advection)
อากาศอุ่นและมีความชื้นทับอยู่ข้างบนจะถูกท าให้เย็นลงอยู่เบื้องล่าง ผลก็คือท าให้เกิดหมอก หมอกที่เกิดบน
พื้นดิน เช่นนี้เราเรียกว่า หมอกบก (Land fog)
ุ่
ในฤดูร้อนพื้นน้ าที่เย็นกว่าพื้นดินจะท าให้เกิดหมอกขึ้น โดยที่อากาศอนและ
ื้
ื้
ชุ่มชื้นจากพนดินไหลมาทับพนน้ าที่เย็นกว่า เกิดหมอกขึ้นในทะเล เราเรียกว่า หมอกทะเล (Sea fog) ถ้า
ุ่
อุณหภูมิของอากาศอนแตกต่างจากอุณหภูมิของน้ ามาก ๆ หมอกจะหนามากตามไปด้วย ความเร็วลมที่จะท าให้
เกิดหมอกทะเลนี้ไม่จ าเป็นจะต้องเป็นลมเบาๆ เหมือนกับหมอกพื้นดิน เพราะว่าพื้นน้ ามีแรงเสียดทานน้อยมาก
บางครั้งหมอกชนิดนี้เกิดขึ้นเมื่อความเร็วลมสูงถึง ๒๖ นอต ก็มี แต่จะพบมากที่สุดคือความเร็วลมระหว่าง ๔ -
๑๓ นอต เมื่อหมอกทะเลเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่งในเวลากลางวัน ซึ่งขณะนั้นพนดินก าลังร้อนอยู่จะท าให้หมอก
ื้
สลายตัวเมื่อถึงพื้นดิน และกลายเป็นเมฆสเตรตัสซึ่งจะพบมากในประเทศอังกฤษ
๑.๒.๑.๓ หมอกที่เกิดจากอากาศไหลขึ้นตามลาดเขา (Upslope fog or
Orographic fog) หมอกชนิดนี้จะเกิดขึ้นเมื่ออากาศมีการทรงตัวดีเคลื่อนที่ขึ้นไปตามลาดภูเขา อากาศจะเย็น
ตัวลงตามอะเดียเบติก (Adiabatic cooling) แล้วหมอกก็จะเกิดขึ้นเมื่ออากาศเย็นลงถึงอณหภูมิจุดน้ าค้าง แต่
ุ
อากาศจะต้องมีความชื้นมาก หมอกชนิดนี้จะยังคงมีอยู่แม้ความเร็วลมจะเพมขนเล็กน้อย ถ้าหากลมแรงมากจะ
ึ้
ิ่
ท าให้หมอกยกตัวเป็นเมฆสเตรตัสหรือสเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus) ได้ ถ้าอากาศนั้นมีการทรงตัวไม่ดี
แทนที่จะเกิดเป็นหมอกกลับจะมีเมฆกอนเกิดขึ้นได้
้
รูปที่ ๓-๓
