Page 17 - สภาพอากาศในอวกาศ
P. 17
16
ดังแสดงในรูปที่ 19 กลุ่มของอนุภาคที่เคลื่อนที่เร็วนี้เกิดจาก coronal holes เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดแนว
ที่ไม่ต่อเนื่องกันของลมสุริยะ ดังเช่นรูปแบบที่แสดงเป็นลูกศรสีดำในรูปที่ 18 ลมสุริยะเหล่านี้หากมีทิศทาง
มายังโลกจะปะทะกับสนามแม่เหล็กโลก ผลลัพธ์ที่สำคัญที่จะมีผลกระทบต่อระบบเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง
โคโรนาโฮลส์ เกิดขึ้นได้นานนับสัปดาห์ถึงหลายเดือน แต่เนื่องจากดวงอาทิตย์มีการหมุนรอบตัวเอง
แนวของอนุภาคความเร็วสูงเหล่านั้นที่เกิดจาก coronal hole แต่ละแนวจะมีแนวโน้กวาดผ่านโลก
ทุกสี่สัปดาห์โดยประมาณ
รูปที่ 19 โคโรนาโฮลส์ในภาพอุลตร้าไวโอเลต (บริเวณพื้นที่มืดบริเวณศูนย์กลางของดวงอาทิตย์)
3.5 พายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Strom)
ลมสุริยะจะเบี่ยงเบนไปรอบโลกโดยจะเบียดอัดกันมากบริเวณสนามแม่เหล็กโลกในด้านที่หันเข้าหาดวง
อาทิตย์และไหลออกไปทางด้านข้างทั้งสองด้านก่อนที่จะลากยาวออกไปทางด้านหลังทำให้เกิดเป็นส่วนหางของ
สนามแม่เหล็ก (Magnetotail) ความต่อเนื่องของความหนาแน่น ความเร็ว อุณหภูมิและสนามแม่เหล็กที่ฝังตัว
อยู่ในลมสุริยะจะรบกวนสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดความผันผวนของความเข้มของสนามแม่เหล็กและการ
ปรับเปลี่ยนทิศทาง ซึ่งเรียกว่า พายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic storm) แนวที่ไม่ต่อเนื่องของลมสุริยะนี้
เกิดขึ้นจากปรากฏการการปลดปล่อยก้อนมวลจากโคโรนา โคโรนาโฮลส์และสนามแม่เหล็กระหว่างดวงดาว
(Interplanetary Magnetic Field : IMF)
ิ
เมื่อสนามแม่เหล็กโลกถูกรบกวนด้วยเหตุนี้ ลมสุริยะที่ประกอบด้วยพลาสมา(ส่วนใหญ่เป็นอเล็กตรอน
และโปรตรอน) จะเกิดความปั่นป่วนและคลุกเคล้าเข้าไปในส่วนหางของสนามแม่เหล็ก (Magnetotail) การ
ไหลทะลักของอนุภาคความเร็วสูงจะเคลื่อนตัวตามเส้นแรงสนามแม่เหล็กมุ่งสู่โลก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการ
คลุกเคล้ากันของอิออนกับอิเล็กตรอนที่กักเก็บอยู่ภายในสนามแม่เหล็กโลก (รูปที่ 20) การผันผวนของ
ั
ิ
ิ่
สนามแม่เหล็กโลกในขณะเกิดพายุแม่เหล็กโลกจะเพมอัตราเร่งให้กับอนุภาคที่ถูกกกไว้ส่วนใหญ่คืออเล็กตรอน
ให้มีพลังงานสูง ซึ่งอนุภาคพลังงานสูงเหล่านี้บางส่วนจะไหลลงสู่บริเวณขั้วโลก (ตามเส้นแรงสนามแม่เหล็กที่
รวมกันหนาแน่นบริเวณนั้น) และต่อจากนั้นก็จะเคลื่อนตัวไปชนกับโมเลกุลของแก๊สในบรรยากาศชั้นเทอร์โมส

