Page 33 - สภาพอากาศที่เป็นอันตรายต่อการบิน
P. 33
๓๓
บทที่ ๕
กระแสอากาศปั่นป่วน (Turbulence)
๑. กล่าวน า (Introduction)
การไหลของกระแสอากาศมักจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือความเร็วอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ระดับต่ า
ื่
และระดับสูงในทุกฤดูกาล ขณะที่กระแสอากาศเกิดจากการกระเพอมหรือหมุนวนในบรรยากาศทั้งแนวระดับ
หรือแนวตั้ง เราเรียกว่า กระแสอากาศปั่นป่วน (Turbulence)
๒. ประเภทของกระแสอากาศปั่นป่วน (Types of Turbulence) สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
๒.๑ กระแสอากาศปั่นป่วนที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศในทางดิ่ง (Convective
Turbulence)
จัดเป็นกระแสอากาศปั่นป่วนที่เกิดในระดับต่ า เกิดจากกระแสอากาศลอยตัวและจมตัว
เนื่องจากกระแสอากาศจมตัวมักเกิดเป็นบริเวณกว้าง ท าให้มีความเร็วในทางดิ่งน้อยกว่ากระแสอากาศลอยตัว
กระแสอากาศปั่นป่วนชนิดนี้มีความรุนแรงมากในช่วงเวลาบ่ายของฤดูร้อน และมีลมพดออน หากลมแรงจะ
่
ั
ขัดขวางการเกิดกระแสอากาศปั่นป่วนชนิดนี้ และท าให้ความรุนแรงลดลง อากาศที่ได้รับความร้อนบริเวณผิว
ื้
ื้
พนจะท าให้เกิดอากาศไม่ทรงตัวในระดับต่ า ๆ และอากาศร้อนนั้นจะลอยตัวสูงขึ้น ถ้าอากาศที่ผิวพนได้รับ
ความร้อนมากขึ้น จะยิ่งท าให้การลอยตัวของอากาศได้สูงและรุนแรงขึ้น บริเวณพนทรายหรือที่ถูกปกคลุมด้วย
ื้
ื้
ื้
ก้อนหินและทุ่งนา เมื่อได้รับความร้อนมักร้อนกว่าพนน้ าหรือพนที่ที่มีพชปกคลุมอยู่ ความรุนแรงของกระแส
ื
อากาศที่ลอยขึ้นเหนือบริเวณดังกล่าวมีไม่เท่ากัน เมื่อเครื่องบินบินผ่านบริเวณดังกล่าวหรือขณะร่อนลงสู่
สนามบิน จะพบกับกระแสอากาศปั่นป่วนชนิดนี้ รูปที่ ๕-๑
รูปที่ ๕-๑
เมื่อกระแสอากาศลอยตัวสูงขึ้น จะเย็นตัวลงเนื่องจากการขยายตัว และการลอยตัวจะเกิด
ิ่
ต่อเนื่องจนถึงระดับที่อุณหภูมิของกระแสอากาศใกล้เคียงกับสภาวะแวดล้อม ถ้าอากาศอมตัวจะเกิดเมฆ ดังนั้น
บางครั้งกระแสอากาศปั่นป่วนชนิดนี้จึงปรากฎเมฆคิวมูลัส (Cumulus) หรือคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus)
ให้เห็น และกระแสอากาศปั่นป่วนขั้นรุนแรงมักพบบริเวณใต้ฐานเมฆหรือภายในก้อนเมฆ แต่ไม่พบบริเวณเหนือ
เมฆ หากอากาศแห้งมากจะไม่ปรากฎเมฆให้เห็น จึงควรระมัดระวังเนื่องจากมองไม่เห็นกระแสอากาศปั่นป่วน
บริเวณดังกล่าว รูปที่ ๕-๒

